ประวัติกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ |
วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัฒนธรรมองค์กร |
หน้าที่และอำนาจ |
ภารกิจ |
ยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติราชการ |
โครงสร้างองค์กร |
ทำเนียบบุคลากร |
ผู้บริหาร |
ราชการบริหารส่วนกลาง |
สำนักงานเลขานุการกรม |
กองความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเชื้อเพลิงธรรมชาติ |
กองจัดการเชื้อเพลิงธรรมชาติ |
กองเทคโนโลยีการประกอบกิจการปิโตรเลียม |
กองบริหารกิจการปิโตรเลียมระหว่างประเทศ |
กองบริหารสัญญาและสัมปทานปิโตรเลียม |
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน |
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร |
กลุ่มตรวจสอบภายใน |
กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร |
ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) |
สถานที่ติดต่อ |
Logo กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ |
พระราชบัญญัติปิโตรเลียม |
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม |
พระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย |
พระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล |
คู่มือมาตรา 69/70 |
คู่มือการจัดการของเสียจากสถานประกอบกิจการปิโตรเลียม |
คู่มือการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมสำหรับการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน |
คู่มือการเปลี่ยนแปลง สิทธิ ประโยชน์ และพันธะในสัมปทานปิโตรเลียม ภายใต้ พ.ร.บ. ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 |
กระทรวงพลังงานเผยปี 2564 จะมีเม็ดเงินจากภาคพลังงานลงไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศกว่า 1.3 แสนล้านบาท พร้อมได้ไฟเขียวจาก กพช.ให้ออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ได้ทันที หากภาครัฐมีมาตรการล็อกดาวน์อีกรอบ เหมือนเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนผ่าน Facebook Live ในเพจกระทรวงพลังงาน http://www.facebook.com/ministryofenergy ตั้งแต่เวลา 11.15 น. โดยใช้เวลาประมาณ เกือบ 30 นาที
โดยสาระสำคัญในการแถลงข่าว ระบุถึง การผลักดันนโยบายด้านพลังงานที่จะเข้าไปช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในปี 2564 วงเงินรวมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นในส่วนของการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านพลังงาน ของรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ทั้งใน กลุ่ม ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนภาคเอกชนด้านพลังงานผ่านนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน และโรงไฟฟ้าขยายผล รวม 150 เมกะวัตต์ ที่จะออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี 2564
นอกจากนี้ยังจะเน้นส่งเสริมภาคธุรกิจในการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ ESCO ( Energy Service Companies ) ในส่วนของภาครัฐ รวมทั้งการจัดสรรงบจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประมาณ 2,400 ล้านบาทกระจายลงไปใน 76 จังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 25 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการที่ช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการอนุรักษ์พลังงาน และอีก 500 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ไฟฟ้ายังเข้าไปไม่ถึง (Off Grid )
นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวถึง มาตรการเยียวยาของภาคพลังงานในการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ในปี 2564 ด้วยว่า โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าการแพร่ระบาดจะไม่กระจายออกไปในวงกว้าง เพราะประชาชนมีความตระหนักรู้และตื่นตัวมากขึ้นในการป้องกันตัวเอง เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นที่มีการแพร่ระบาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรง จนรัฐต้องมีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพลังงาน ก็ได้ขออำนาจในการพิจารณาอนุมัติมาตรการเยียวยา จากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆได้ทันที ผ่านคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยไม่ต้องเสนอให้ กพช.ให้ความเห็นชอบอีก
ที่มา : https://www.energynewscenter.com/