เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายต่างๆที่เกี่ยวข้อง 

เลือกเปลี่ยนภาษา
ไทย อังกฤษ

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เร่งสร้างความเข้าใจด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจัดประชุมเครือข่ายปิโตรเลียมใน 3 จังหวัด อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ กำแพงเพชร

Topic

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เร่งสร้างความเข้าใจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เดินสาย  จัดสัมมนาหัวหน้าส่าวนราชการในจังหวัดและสื่อมวลชน 3 จังหวัด อำนาจเจริญ ศรีสะเกษและกำแพงเพชร สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อสื่อสารต่อถึงชาวบ้านในพื้นที่ เผยค่าภาคหลวงปิโตรเลียม 30,000 ล้านบาท กระจายไปพัฒนาท้องถิ่นทั่วประเทศ


              นายสุริยันต์ อภิรักษ์สัตยากุล  รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  เปิดเผยว่า  กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  กระทรวงพลังงาน ได้เร่งเดินหน้าสร้างความเข้าใจเรื่องการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ  โดยการจัดสัมมนาผู้แทนส่วนราชการและสื่อมวลชนภายใต้ชื่อโครงการ “เครือข่ายปิโตรเลียม” ประจำปี 2559  ซึ่งได้เริ่มต้นจัดครั้งแรกในวันที่ 20 เมษายน 2559  ที่จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกว่า 90 คนและจะมีการจัดต่อเนื่องที่ ศรีสะเกษ และกำแพงเพชรตามลำดับ  วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องสถานการณ์ด้านพลังงานและบทบาทภารกิจ รวมถึงความจำเป็นในการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย  ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายปิโตรเลียม  การกำกับดูแลมาตรการป้องกันและแก้ไขด้านสิ่งแวดล้อม ประโยชน์ที่ได้รับจากการประกอบกิจการด้านปิโตรเลียม

           “ การดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเป็นไปอย่างโปร่งใส ประการสำคัญจะต้องดำเนินการภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันของชาวบ้านและภาคธุรกิจอื่น โดยเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่กับความปลอดภัยและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม” รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกล่าว

            ประการสำคัญรายได้จากการจัดเก็บในรูปแบบค่าภาคหลวงดังกล่าวได้มีการจัดสรรคืนกลับไปพัฒนาท้องถิ่น  ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม  และคุณภาพชีวิต  ในปี 2558 ที่ผ่านมากรมสามารถจัดเก็บได้และได้จัดสรรให้กับท้องถิ่นมากกว่า 30,000 ล้านบาท  โดยกระจายผ่านไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล  อีกทั้งยังมีรายได้ที่จัดเก็บในรูปแบบของภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บส่งกระทรวงการคลัง   เพื่อนำไปใช้เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไปอีกทางหนึ่งด้วย

            อย่างไรก็ตามแม้ว่าประเทศไทยจะมีแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียม แต่ปริมาณที่พบยังไม่เพียงพอ           ต่อความต้องการ  ดังนั้น  สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงาน  นอกจากการมีโอกาสในการจัดหาแหล่งพลังงานแล้ว  การมีส่วนร่วมอันเกิดจากความรู้  และความเข้าใจอย่างแท้จริงในการใช้พลังงานทั้งที่จัดหาได้ หรือนำเข้าจากต่างประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่า  รวมถึงการประหยัดพลังงานก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ    ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอันเกิดจากการมีส่วนร่วมทุกฝ่ายที่จะช่วยให้ประเทศมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ และยั่งยืนต่อไป

 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
20  เมษายน  2559